บาปของการยืมเงิน แล้วไม่คืน

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีวลี “เอ็นดูเข้า เอ็นเราขาด” ก็ยังใช้ได้เสมอ ก็เพราะความขี้สงสารและใจอ่อนนี่แหละที่ทำให้เราเจ็บปวดกับมันมานักต่อนักแล้ว อย่างเวลามีคนเดินเข้ามาขอความช่วยเหลือกับเรา โดยเฉพาะเรื่อง ยืมเงิน เราก็มักสงสาร เห็นใจเขาจนยอมควักกระเป๋าตังค์ให้ แม้ว่าตอนนั้นจะมีตังค์เหลือในบัญชีแค่หลักร้อยก็ตาม ก็อย่างว่าอะนะ.. คนเรามีหลายประเภท ถ้าเจอคนที่ดี เข้ามาขอยืมแล้วให้คืนตามที่คุยกันก็แล้วไป แต่ถ้าไม่เราก็ไม่ต่างจากภาพด้านล่างนี้

ยืมเงิน แล้วไม่คืน!! บาปมากไหม กรรมหนักไหม 

ถ้าถามว่ายืมเงินแล้วไม่คืนจะเป็นอะไรไหม? จะบาปหรือเปล่า? แน่นอนว่ายังไงก็ต้องบาปอยู่แล้ว เพราะเวลาที่เรายืมเงินใคร เราต้องรับปากเขา ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าจะคืนเมื่อไหร่อย่างไร การไม่คืนตามกำหนดก็เปรียบเสมือนการมุสา พูดไม่จริง ผิดคำพูด และรวมไปถึงการผิดศีลข้อ 2 ที่ว่าด้วยการไปเอาของคนอื่น ที่เขามิได้ให้มาเป็นของตนเอง ทรัพย์สินของตนเอง

ขอบคุณภาพจาก MTHAI

ส่วนความหนักหรือเบาของบาป ก็ขึ้นอยู่กับกรรมหรือการกระทำของคนคนนั้น ซึ่งตัวกรรมเองก็แปรตามเจตนาและความสามารถที่จะทำให้เจตนาสำเร็จด้วย  ดังนั้นผลกรรมที่แต่ละคนจะได้รับนั้นจึงแตกต่างกันขึ้นอยู่กับเจตนานั่นเอง

 เจตนาของการไม่คืนเงิน

ยืมด้วยความตั้งใจคืน คืนตรงกำหนดและตามข้อตกลง 

คนไหนที่ยืมเงิน แล้วคืนให้เจ้าหนี้ตามกำหนด ตามข้อตกลง คือ ให้คืนวันนี้ เวลาเท่านี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่คุยกันไว้ ถือเป็นคนที่มีเจตนาดีในการคืนเงิน

ผลคือ… ความผูกพันในทางดี เป็นที่น่าเชื่อถือสำหรับกันและกัน ฝ่ายให้ถือว่าได้บุญที่ให้โอกาส ฝ่ายรับถือว่าได้บุญที่ได้ทำตามที่พูด มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ ถ้าครั้งหน้าเกิดการหยิบยืมกันอีก ก็ไม่ต้องหมางใจหรือไม่สบายใจว่าจะไม่คืน

 ยืมด้วยความตั้งใจคืน แต่พอถึงกำหนดคืนไม่ได้ เพราะเหตุสุดวิสัย

ในกรณียืมแล้ว พอถึงกำหนดวันไม่สามารถคืนได้ อันมาเกิดจากเหตุฉุกเฉิน เช่น โทรศัพท์พังกะทันหัน ป่วย มีอุบัติเหตุ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่าง ATM ฝากเงินไม่ได้ต้องรอไปคืนผ่านแบงค์ในวันรุ่งขึ้น อย่างนี้ไม่ถือว่าตั้งใจโกง ไม่ได้ผิดศีลข้อ 2

ทว่าผลที่เกิดขึ้นทันทีในชาติปัจจุบัน คือความทรมานใจ การขาดความนับถือตัวเอง และการไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของคนอื่น ครั้งหน้าเจ้าหนี้ไม่กล้าให้ยืมเงินอีก ส่วนผลในชาติถัดไปก็พอสมน้ำสมเนื้อ เช่น ที่ให้เงินใครยืมแล้วไม่ได้คืน เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้ เป็นต้น

 ยืมด้วยความไม่ตั้งใจคืน ไม่รู้จะให้เมื่อไหร่

ส่วนประเภทที่ตั้งใจยืม แต่ไม่ตั้งใจคืน ขอแค่ได้เงินมาก่อน มีเดี๋ยวก็ค่อยว่ากันอีกที คนประเภทนี้มีสิทธิ์พลิกจาก ‘เดี๋ยวจะคืน’ เป็น ‘ไม่คืนดีกว่า’ เอาได้ง่ายๆ เพราะเกิดความตระหนี่ในเงินของตนเอง กลัวเงินตัวเองลด จึงยอมไม่จ่ายหนี้

 ผลคือ…มีจิตอ่อนแอ คิดอะไรแบบเด็ก ๆ อยู่บนเส้นทางของคนเหลวไหล โชคชะตาอาจล้มเหลว วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์ที่ยั่งยืน อีกวันกลับมลายหายไปราวกับความฝัน เป็นต้น

 ยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก

คนประเภทสุดท้ายนั้นน่ากลัวที่สุด เพราะคนเหล่านี้จมาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมข้อแลปเปลี่ยนอันแสนหวาน เช่น ดอกเบี้ยสูงลิบลิ่ว  แต่สุดท้ายกลับชวดเงินไม่รับผิดชอบ คล้ายกับช่อโกง ถือผิดศีลข้อ 2  เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ยกให้ รวมถึงข้อ 4 ด้วย

ผลคือ… มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้ายป้ายสี ทำอะไรก้ไม่เจริญและก้าวหน้า เพราะเคยไปช่อโกงผู้อื่นเอาไว้

สรุปส่งท้าย

แม้เวรควรระงับด้วยการไม่จองเวร ทว่าเมื่อเราทำสิ่งใด เราย่อมได้สิ่งนั้นยังจริงเสมอ ดังสุภาษิตไทย ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ดังนั้น ก่อนจะคิดขอยืมเงินใครหรือให้ใครยืมเงิน ก็ต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ว่าบุคคลคนนั้นสามารถจ่ายเงินคืนได้ ส่วนตัวลูกหนี้เองเมื่อยืมไปแล้ว ก็ต้องนึกถึงใจเขาใจเรา เพราะในยามเดือดร้อนก็มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยความเต็มใจ การทรยศหักหลังหรือชวดเงิน ทำให้เจ้าของเงินเดือดร้อน นอกจากนั้นยังเป็นบาปติดตัวท่านเองด้วย

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์จาเพจ Dungtrin ที่ช่วยให้เราสามารถเสกสรรค์บทความนี้ขึ้นมาได้ ruay  หากท่านใดอยากอ่านบทความดี ๆ และน่าสนใจนอกเหนือจากนี้ เช่น ทำนายฝัน ดูดวง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทริคเสริมดวงชะตา รวมถึงแนวทางหวย ที่เว็บ ruay365 และเฟสบุ๊คแฟนเพจ รวยดี มีบทความดี ๆ รอให้ท่านกดเข้าไปอ่านอีกเพียบเลย

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on email
Email
Share on pinterest
Pinterest
Share on vk
VK

Top ฮิตติดกระแส

มาใหม่วันนี้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ